Doom Eternal แม้แต่นรกก็ไม่สามารถหยุดเขาได้

Platform : PC, Play Station 4, Stadia, Nintendo Switch, Xbox One, Play Station 5, Xbox Serie S/X

Developer : id Software

Publisher : Bethesda Softworks

วันที่วางจำหน่าย : 20 มีนาคม 2020

DOOM เกมแนว FPS สุดดุเดือดที่มีอายุอามนานเกือบ 30 ปีมาแล้ว หลังจากในปี 2016 ที่ DOOM ได้ปลุกกระแสเกม FPS แบบเดินหน้ายิงให้กลับมาอีกครั้งคราวนี้ก็ถึงภาคใหม่ของเกมซีรีย์นี้แล้วกับ Doom Eternal มาดูกันว่าเกมมีมีอะไรดีทำไมคุณถึงต้องเล่น

Story

เนื้อเรื่องจะสานต่อจากภาค 2016 เมื่อกองทัพจากนรกได้เข้ามารุกรายโลกและฆ่าประชากรมนุษย์ไปมากกว่าครึ่งและเปลี่ยนแผ่นดินส่วนใหญ่ให้เป็นทะเลเพลิง DOOM Guys ของเราจึงต้องกลับมาเพื่อหยุดการรุกรานครั้งนี้และปกป้องโลกให้ได้ด้วยตัวคนเดียว สำหรับเนื้อเรื่องนั้นอาจจำไม่ต้องสนใจมากก็ได้เพราะความสนุกแทบทั้งหมดจะไปอยู่กับเกมการเล่นสะมากกว่า แต่ถ้าคุณอยากอ่านและศึกษาเรื่องราวของจักรวาล Doom ละก็คุณสามารถหาอ่านได้จากการเก็บ Codex ที่จะวางให้เห็นอย่างชัดเจนแต่คุณก็ต้องเก่งภาษาอังกฤษและต้องค่อนข้างขยันอ่านพอสมควร

Presentation

ภาคนี้การนำเสนอที่แตกต่างจากภาคก่อน ๆเลยคือสีสัน ในภาคก่อน ๆเกม Doom จะเป็นเกมที่ฉากจะมืดแทบจะตลอดแต่ในภาคนี้ฉากถูกทำออกมาได้สว่างและมีสีสันต์มากกว่าเดิม ส่วนการดีไซน์ฉากในภาคนี้จะแตกต่างจากภาคที่มีก่อนหน้านี้ค่อนข้างมาก เพราะโดยปรกติ Doom จะเป็นเกมที่คุณจะสามารถเดินไปที่ไหนก่อนก็ได้ฉากจะค่อนข้างมีความลึกที่คุณจะต้องสำรวจและหาทางไปต่อแต่ในภาคนี้เกมจะค่อนข้างนำเสนอเป็นรูปแบบเส้นตรงที่อาจทำให้แฟนเกมยุคเก่าๆอาจจะไม่ค่อยชอบสัดเท่าไหร่

Gameplay

นี่แหละคือส่วนที่สนุกที่สุดในเกมนี้โดยปรดติเกม Doom ก็จะดุเดือดแทบทุกภาคอยู่แล้วแต่ในคราวนี้พวกเขาได้ยกระดับไปอีกขั้นด้วยการเพิ่ม Mobility ให้กับตัวเราเป็นอย่างมาก และในภาคนี้เกมจะบีบคุณไม่ให้ใช้อาวุธเพียงชิดเดียวแต่เกมจะทำให้คุณต้องรู้จักการสลับปืนเพราะในภาคนี้ต่อให้ปืนที่เราใช้อัพเกรดจนเต็มเราก็สามารถพกกระสุนได้น้อยกว่าภาคที่แล้วนั้นทำให้เราต้องรู้จักการ Manage กระสุนการสลับไปใช้ปืนที่หลากหลายเพื่อเป็นการเพิ่มดาเมจที่เราทำออกไปใส่ศัตรูได้ทำให้ภาคนี้เราไม่ได้แค่ต้องแม่นและคล่องแคล่วเท่านั้นเราต้องรู้จักการบริหารกระสุนด้วยเพราะภาคนี้จะยากและท้าทายกว่าภาคปี 2016 มาก

Graphic & Sound

สำหรับกราฟฟิกถือว่าทำออกมาได้สวยสมกับการเป็นการสานต่อจากภาค 2016 จริง ๆทั้งบรรยากาศ สภาพแวดล้ม ฉาก Partical Effect ที่เรียกได้ว่าจัดหนักจัดเต็มแทบทุกฉากรวมถึงเพลงประกอบที่สุดจะ Metal ที่มันส์สะใจจนทำให้เกมการเล่นที่ดุเดือดอยู่แล้วยิ่งดุเดือดมากขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว