รีวิว Coffee talk Episode 2: Hibiscus and Butterfly ภาคต่อของเกมเนื้อเรื่องสุดเข้มข้น ณ ร้านกาแฟและลูกค้าที่คุ้นเคย
Platform: Nintendo Switch, Xbox One, PlayStation 4, PlayStation 5, PC
Developer: Toge Productions
Publisher: Toge Productions
Release Date: 20 April 2023
ในที่สุดก็ได้วางจำหน่ายสักทีสำหรับ Coffee talk Episode 2: Hibiscus and Butterfly ภาคต่อของเกมที่มีจุดเด่นในการเล่าเรื่องในโลกที่ทั้งชาวต่างโลกและมนุษย์อาศัยอยู่ร่วมกัน ตัวเกมจะยังรักษามาตรฐานในการเล่าเรื่องอันยอดเยี่ยมจากภาคแรกเอาไว้ได้หรือไม่มาหาคำตอบได้ในรีวิวตัวนี้ครับ
Presentation
การนำเสนอโดยรวมของ Coffee talk Episode 2: Hibiscus and Butterfly ยังคงเหมือนเดิมคือเป็นเกมที่จะเน้นการเล่าเรื่องเป็นหลักที่เราจะยังได้รับข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ในช่วงเริ่มของแต่ละตอน จากลูกค้าที่เข้ามานั่งพูดคุยกับเรา แน่นอนว่ามันแทบไม่ได้แตกต่างอะไรจากภาคแรกเลย แต่สำหรับเรา เรามองว่ามันก็ไม่ได้แย่ที่พวกเขาไม่เลือกที่จะปรับเปลี่ยนการนำเสนอใหม่ เพราะสิ่งที่พวกเขาได้สร้างเอาไว้ในเกมภาคแรกนั้นมันยอดเยี่ยมมากทั้งลูกค้าที่มีความหลากหลายที่จะมานั่งพูดคุย บ่น ระบายความรู้สึกให้กับเราที่เป็นตัวเอกได้ฟังไม่ว่าจะเป็นเรื่องดี ๆ หรือว่าเรื่องแย่ ๆ ของพวกเขาก็ตาม ที่อาจจะมีตั้งแต่ การเหยียดเชื้อชาติ การเลือกปฏิบัติหรือความไม่เท่าเทียมในสังคม นี่คือสิ่งพิเศษที่เกมเล่าเรื่องอื่น ๆ ไม่สามารถมอบให้ได้จริง ๆ
แล้วในภาคนี้นอกจากผู้เล่นจะได้เจอกับลูกค้าทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่แล้ว ผู้เล่นยังจะได้ทำกาแฟหรือเครื่องดื่มใหม่ ๆ ที่มาพร้อมกับเพลงใหม่ ๆ สุดชิลที่มันอาจจะทำให้คุณติดพันโดยที่คุณไม่รู้ตัว

Gameplay
เกมการเล่นโดยรวมของ Coffee talk Episode 2: Hibiscus and Butterfly ก็ยังคงเหมือนเดิมเลยก็คือการชงเครื่องดื่มที่ในภาคนี้จะมีเมนูใหม่ ๆ และส่วนผสมใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มความหลากหลายใหม่มากขึ้น และแน่นอนว่าทุกเมนูเป็นเมนูที่สามารถเอาไปทำได้จริง ๆ ด้วย (แต่ต้องหาอัตราส่วนเอาไว้ด้วย เพราะในเกมไม่บอก) และแน่นอนว่าเมนูที่ลูกค้าสั่งนั้นบางครั้งพวกเขาอาจจะไม่ได้บอกเมนูกับเราแบบตรง ๆ แต่เขาจะบอกความต้องการต่าง ๆ ให้กับเราเช่น ความอุ่น ความเข้ม ความหวานที่เราก็ต้องทำออกมาให้ถูกต้อง
และในภาคนี้ก็ยังคงมีการทำ Latte Art อยู่และตัวเกมก็ยังคงให้อิสระกับผู้เล่นอยู่อีกเช่นเคย โดยรวมแล้วเกมเพลย์แทบไม่ได้แตกต่างจากภาคแรกเลยนอกจากมีการเพิ่มเมนูใหม่ ๆ เข้ามาเท่านั้นแต่มันก็คือความยอดเยี่ยมที่เกมภาคแรกสร้างเอาไว้และถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกแล้วที่พวกเขาไม่เลือกที่จะเปลี่ยนรูปแบบการเล่นให้ต่างออกไปเพราะดูเหมือนจะมีหลายคนที่ชื่นชอบเกมเพลย์อันเป็นเอกลักษณ์เข้าถึงง่ายนี้ไปแล้ว
Performance
ถึงแม้จะเป็นภาคต่อแต่ตัวเกมก็ยังคงรักษามาตรฐานในด้านประสิทธิภาพของตัวเกมภาคแรกเอาไว้ได้อย่างดีเยี่ยม คือขอเพียงแค่คุณมีเครื่อง PC ที่ผ่านสเปกขึ้นต่ำก็สามารถเล่นเกมนี้ได้แบบสบาย ๆ แล้วตลอดการเล่นของเรา เราก็ไม่ได้เจอกับ Bug ใด ๆ ภาคในเกมเลยครับ
สรุป
ถือว่าเป็นภาคต่อที่รักษาเกมเพลย์ที่ยอดเยี่ยม เข้าถึงง่ายและพวกเขายังคงนำเสนอเนื้อเรื่องที่เข้มข้นของลูกค้าแต่ละคนเอาไว้ได้ดีมาก ๆ ที่บางเหตุการณ์มันอาจจะตรงกับปัญหาที่คุณกำลังเจออยู่ก็ได้และมันอาจจะจุดประกายอะไรบางอย่างให้คุณนำมันไปปรับแก้ไขในชีวิตจริงของคุณก็ได้ครับ ใครที่เคยเล่นภาคแรกมาแล้วคุณก็ไม่ควรที่จะพลาดเกมภาคต่อนี้ด้วยประการทั้งปวงครับ
คะแนนจากทางเรา: 9.5/10