รีวิว Blasphemous 2 ภาคต่อของเกมแนว Metroidvania ที่ดิบเถื่อนที่สุดแห่งยุค
Platform: Nintendo Switch, PlayStation 5, Xbox Series X/S, PC
Developer: The Game Kitchen
Publisher: Team17
Release Date: 24 August 2023
เพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้นหลังการเปิดตัวในงาน Indie World Showcase ภาคต่อของหนึ่งในเกมแนว Metroidvania ที่ยากที่สุดเกมหนึ่งเท่าที่เราเคยเล่นมาและถึงแม้จะยากมากสำหรับเรา แต่มันก็ได้สร้างความประทับใจให้กับเราและเกมเมอร์สาย Hardcore ทั่วโลกไว้ไม่น้อย มาดูกันว่าภาคต่อนี้จะมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้างและมันจะยังสร้างความทรงจำดี ๆ ให้กับเราเหมือนที่เกมภาคแรกทำเอาไว้ได้หรือไม่ มาหาคำตอบกันได้ในรีวิวตัวนี้ครับ
Presentation
การนำเสนอโดยรวมของ Blasphemous 2 นั้นยังคงเหมือนกับเกมภาคแรกอยู่ถึงแม้ว่าพื้นที่ที่ผู้เล่นจะได้เข้าไปในรอบนี้จะไม่ใช่พื้นที่เดิมของภาคแรกแต่องค์ประกอบหลาย ๆ อย่างรวมไปถึงงานศิลป์พวกเขาก็ยังคงใช้แรงบันดาลใจจากศิลปะของคาทรอลิกและสถาปัตยกรรมของประเทศที่เป็นบ้านเกิดของพวกเขาอย่างสเปน และเรารู้สึกด้วยว่าฉากของเกมภาคนี้มีสีสันที่สดใสและสว่างกว่าเกมภาคแรกอย่าพอสมควร การต่อสู้ยังคงดิบ เถื่อน และเต็มไปด้วยความรุนแรงเหมือนกับภาคแรก เหล่า Boss และศัตรูก็ออกแบบมาได้ประหลาดและยังคงความโหดเอาไว้ได้อย่างดี แผนที่ของเกมนี้ก็ยังคงออกแบบมาได้อย่างยอดเยี่ยม มีทางลับและความลับให้ตามหาอยู่มากมาย เรียกได้ว่าในด้านการนำเสนอพวกเขาได้ในความยอดเยี่ยมของเกมภาคแรกมาต่อยอดได้ดีมากเลยครับ

Gameplay
เกมเพลย์ของภาคนี้สิ่งแรกที่เปลี่ยนไปก็คือตัวเอกจะมีอาวุธให้ใช้มากกว่าเดิมแล้วจากภาคแรกที่เราจะต้องใช้ดาบไปจนจบเกมภาคนี้จะมีอาวุธใหม่เพิ่มเข้ามาอีก 2 ชนิดคือลูกตุ้มและดาบคู่ โดยลูกตุ้มนั้นแน่นอนว่ามันคืออาวุธที่โจมตีได้แรงที่สุดแต่ก็ช้าที่สุดด้วยเช่นเดียวกับดาบคู่ที่โจมตีได้เร็วที่สุดแต่ก็โจมตีได้เบาที่สุดด้วยเช่นกัน ส่วนดาบยาวนั้นถ้าคุณเคยชินกับเกมการเล่นของเกมภาคแรกอยู่แล้วก็เลือกหยิบอาวุธชิ้นนี้ได้เลยเพราะ Move Set ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ แต่ไม่จำเป็นว่าคุณจะต้องใช้อาวุธเดียวไปตลอดทั้งเกมเพราะคุณสามารถไปตามเก็บอาวุธอีก 2 ชิ้นที่คุณไม่ได้เลือกมาในตอนแรกได้
อีกสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่าเกมภาคต่อเข้าถึงง่ายขึ้นก็คือจุดเกิดหรือ Shrine ที่ในภาคนี้เรารู้สึกได้เลยว่าจำนวนนั้นมีเยอะกว่าภาคแรกอยู่พอสมควร แต่แน่นอนว่ามันไม่ได้ทำให้เกมนั้นง่ายขึ้นมากเท่าไหร่ ในภาคนี้การบล็อกและการ Counter Attack ก็ยังคงมีอยู่แต่เรารู้สึกได้เลยว่าจังหวะ Iframe ของภาคนี้จะอยู่นานมากกว่าเกมภาคแรกซึ่งทำให้ใครที่ชำนาญการ Counter Attack ของเกมภาคแรกอยู่แล้วมาในภาคนี้คุณจะจับจังหวะของเกมภาคนี้ได้แบบสบาย ๆ เลยครับ
Performance
ในด้านประสิทธิภาพเกมนี้ก็ยังคงรักษาความยอดเยี่ยมเอาไว้ได้อย่างดีเราไม่ได้เจอกับปัญหาเกมล่มหรืออาการแปลก ๆ ตลอดการเล่นเลยและมีอีกสิ่งที่เราประทับใจมากคือ Performance ของตัวเกมใน Nintendo Switch ที่สามารถเล่นได้ที่ 60 FPS แบบนิ่ง ๆ และไม่มีปัญหาใด ๆ เลยครับ
สรุป
Blasphemous 2 ได้นำเสนอโลกอันโหดร้ายแต่ก็สร้างความประทับใจให้กับเราได้เป็นอย่างดีด้วยงานศิลปะที่สวยงาม การควบคุมที่คล่องตัวและยอดเยี่ยมยิ่งกว่า การต่อสู้ที่หลากหลายมากขึ้น Blasphemous 2 แทบจะกลายเป็นเกมแนว Metroidvania ที่ดีที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมาสำหรับเราเลยก็ว่าได้ใครที่เป็นแฟนของเกมนี้หรือคุณกำลังมองหาเกมที่ท้าทายอยู่แล้วละก็คุณก็ไม่ควรพลาดเกมนี้ครับ
คะแนนจากทางเรา: 9/10