รวมรายชื่อเกมที่รองรับ 120 FPS บน PlayStation 5 ในปัจจุบัน
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ทำให้คนที่เล่นเกม Console มาตั้งแต่ยุคเก่า ๆ หันมาซื้อ PlayStation 5 ส่วนหนึ่งมาจากการที่ตัว PlayStation 5 นั้นได้รองรับการรันตัวเกมที่ 120 FPS จากขุมพลังของเครื่อง PlayStation 5
นั้นหมายความว่า Console ตัวใหม่ล่าสุดของ Sony เครื่องนี้จะสามารถเล่นเกมได้ลื่นไหลยิ่งกว่าที่เคยมีมาและความลื่นที่เราว่านี้ก็คือเร็วเป็นสองเท่าของ PlayStation 4 และ PlayStation 4 Pro ด้วย

ทั้งทำให้ไม่เพียงแค่ตัวเกมจะดูเนียนกริ๊บยิ่งกว่าเคบแต่ตัวเกมยังตอบสนองต่อผู้เล่นได้ดียิ่งขึ้นไปอีก จากมุมมองของเราแนวเกมที่เหมาะมากสำหรับการรันที่ 120 FPS จะเป็นพวกเกมแนว Shooting, Open World, Fighting และ Sport ซึ่งวันนี้เราก็ได้รวบรวมรายชื่อเกมบน PlayStation 5 ที่วางจำหน่ายไปแล้วและรางรับการรันตัวเกมที่ 120 FPS อย่างสมบูรณ์แบบโดยจะมีเกมอะไรบ้างนั้นมาดูกันเลย

- Borderland 3 (รองรับ 120 FPS ที่ 1080p)
- Call of Duty: BlackOps Cold War (รองรับ 120 FPS ที่การตั้งค่ากราฟิกแบบ Low)
- Call of Duty: Vanguard (รองรับ 120 FPS ที่การตั้งค่ากราฟิกแบบ Low)
- Call of Duty: Warzone (รองรับ 120 FPS ที่การตั้งค่า dynamic resolution แบบ Low)
- Centipede Recharged (รองรับ 120 FPS ที่การตั้งค่ากราฟิกแบบ 4K ดั้งเดิม)
- Destiny 2 (รองรับ 120 FPS ที่การตั้งค่ากราฟิกแบบ Lower ใน Crucible matches)
- Devil May Cry V: Special Edition (รองรับ 120 FPS ที่ 1080p)
- Dirt 5 (รองรับ 120 FPS ที่การตั้งค่ากราฟิกแบบ Low)
- DOOM Eternal (รองรับ 120 FPS ที่ 1584p)
- Fortnite (รองรับ 120 FPS ที่การตั้งค่ากราฟิกแบบ Low)
- Ghostrunner (รองรับ 120 FPS ที่การตั้งค่ากราฟิกแบบ Low – ยังไม่ทราบ Resolution ที่ใช้รองรับ)
- Monster Boy And The Cursed Kingdom (รองรับ 120 FPS ที่การตั้งค่ากราฟิกแบบ 4K ดั้งเดิม)
- Nioh Collection (รองรับ 120 FPS ที่การตั้งค่ากราฟิกแบบ Lower – สามารถรันได้ทั้ง ภาค 1, 2 และ DLC)
- Olli Olli World (รองรับ 120 FPS ที่การตั้งค่ากราฟิกแบบ Low)
- Quake (รองรับ 120 FPS ที่การตั้งค่ากราฟิกแบบ 4K)
- Rainbow Six Siege (รองรับ 120 FPS ที่การตั้งค่ากราฟิกแบบ Low)
- Rocket League (รองรับ 120 FPS ที่การตั้งค่า dynamic resolution แบบ Low)
- Rogue Company รองรับ 120 FPS ที่การตั้งค่า dynamic resolution แบบ 4K)
- The Touryst (รองรับ 120 FPS ที่การตั้งค่ากราฟิกแบบ 4K ดั้งเดิม)
- Tony Hawk’s Pro Skater 1 + 2 (รองรับ 120 FPS ที่ 1080p)
- WRC 9 (รองรับ 120 FPS ในโหมด Performance )